คะแนน IMDB (โดยประมาณ): (ไม่ปรากฏคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ แต่คาดว่าอยู่ในช่วง) 6.6 – 7.0 / 10 คะแนน Rotten Tomatoes (อิงตามนักวิจารณ์): 82% คะแนน Metacritic (อิงตามนักวิจารณ์): 74/100
ผู้กำกับ/ผู้เขียนบท/ผู้อำนวยการสร้าง: บง จุน-โฮ (Bong Joon Ho) อิงจากนวนิยาย: Mickey7 โดย Edward Ashton นักแสดงนำ:
- โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) เป็น มิกกี้ บาร์นส์ (Mickey Barnes) / มิกกี้ 17 / มิกกี้ 18
- นาโอมิ แอคกี้ (Naomi Ackie) เป็น นาชา (Nasha Barridge)
- สตีเวน ยอน (Steven Yeun) เป็น ติโม (Timo)
- มาร์ก รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) เป็น เคนเนธ มาร์แชล (Kenneth Marshall)
- โทนี่ คอลเล็ตต์ (Toni Collette) เป็น ยิลฟา มาร์แชล (Ylfa Marshall)
เรื่องย่ออย่างละเอียด (Plot Summary)
Mickey 17 เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟตลกร้ายที่กำกับโดย บง จุน-โฮ ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก Parasite โดยสร้างจากนวนิยายเรื่อง Mickey7 ของ Edward Ashton
- “ผู้พลีชีพ” (The Expendable): ในปี ค.ศ. 2054 มิกกี้ บาร์นส์ (Robert Pattinson) ตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจอวกาศเพื่อไปตั้งอาณานิคมบนดาวน้ำแข็ง นิฟเฟิลไฮม์ (Niflheim) เพื่อหนีจากหนี้นอกระบบบนโลก เขาตกลงรับตำแหน่งที่เรียกว่า “Expendable” (ผู้พลีชีพ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานอันตรายถึงชีวิต โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อเขาตาย ร่างโคลนใหม่ที่มีความทรงจำเดิมทุกอย่างจะถูก “พิมพ์ใหม่” (Reprinting) ขึ้นมาทันที มิกกี้คนปัจจุบันคือร่างโคลนคนที่ 17 (Mickey 17) ที่ต้องเผชิญความตายมาแล้วถึง 16 ครั้ง
- การตั้งอาณานิคมภายใต้เผด็จการ: ภารกิจนี้อยู่ภายใต้การนำของ เคนเนธ มาร์แชล (Mark Ruffalo) อดีตนักการเมืองผู้บ้าอำนาจและหลงตัวเอง ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้าง “ดาวเคราะห์สีขาวบริสุทธิ์” พร้อมกับภรรยาผู้เจ้าเล่ห์ ยิลฟา (Toni Collette)
- การตายครั้งที่ 17 (และไม่ตาย): มิกกี้ 17 ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจจับสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองที่เรียกว่า “ครีปเปอร์” (Creepers) แต่เขาพลาดท่าตกลงไปในรอยแยกและถูกทิ้งให้ตายโดย ติโม (Steven Yeun) เพื่อนร่วมงานผู้ฉวยโอกาส อย่างไรก็ตาม ครีปเปอร์ไม่ได้กินเขา แต่กลับนำเขากลับสู่พื้นผิว
- ปัญหา “โคลนซ้ำซ้อน” (Multiples – สปอยล์): มิกกี้ 17 สามารถกลับมาที่ยานได้ แต่ต้องตกใจเมื่อพบว่า มิกกี้ 18 ได้ถูกพิมพ์ขึ้นมาแล้ว โดยมีหลักฐานที่ยืนยันว่าเขา “ตาย” ไปแล้ว การมีร่างโคลนมากกว่าหนึ่งร่าง (Multiples) เป็นการละเมิดกฎหมายของอาณานิคมอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษถึงขั้น กำจัดทิ้งทั้งคู่ (Termination)
- การอยู่ร่วมกันอย่างลับ ๆ (สปอยล์): มิกกี้ 17 และมิกกี้ 18 ซึ่งมีบุคลิกที่ต่างกัน (17 ดูใจดีและอ่อนน้อมกว่า ในขณะที่ 18 ดูแข็งกร้าวและก้าวร้าว) ต้องร่วมมือกันเพื่อซ่อนตัวจากการจับกุม พวกเขาแบ่งเวรกันใช้ชีวิต สลับกันออกไปข้างนอก และยังคงสานสัมพันธ์กับ นาชา (Naomi Ackie) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้เป็นคนรักของมิกกี้ ซึ่งภายหลังนาชารับรู้และยอมรับ “สองมิกกี้” นี้
- ความขัดแย้งและการเสียสละ (สปอยล์เต็ม): สถานการณ์เลวร้ายลงเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนบังเอิญค้นพบความลับนี้ ในงานพิธีเปิดตัวหินบนดาวนิฟเฟิลไฮม์ เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อครีปเปอร์ทารกโผล่ออกมาจากหิน มิกกี้ 18 ซึ่งโกรธแค้นที่ถูกกดขี่มานานตัดสินใจหักหลัง 17 เพื่อเปิดเผยความจริง
- ฉากจบ: การแก้แค้นของโคลนและครีปเปอร์ (สปอยล์เต็ม): มิกกี้ทั้งสองร่างถูกจับกุม แต่สามารถหนีออกมาได้พร้อมกับนาชา พวกเขามุ่งหน้าไปหาผู้นำครีปเปอร์ มาร์แชลตามมาเพื่อกำจัดพวกเขาทั้งหมด มิกกี้ 17 ใช้เครื่องแปลภาษาสื่อสารกับครีปเปอร์ว่า มาร์แชลกำลังวางแผนกำจัดพวกมัน
- การเสียสละของมิกกี้ 18: มิกกี้ 18 ต่อสู้กับมาร์แชลและ จุดชนวนระเบิดเสื้อของตัวเอง สังหารตัวเองและมาร์แชลเพื่อแลกกับการรอดชีวิตของมิกกี้ 17 และนาชา (เป็นการเติมเต็มข้อเรียกร้องของครีปเปอร์ที่ต้องการ “การชดใช้” ชีวิตมนุษย์หนึ่งคนเพื่อแลกกับความสงบ)
- มิกกี้ 19: ฉากจบลงด้วย มิกกี้ 17 และนาชาสามารถอยู่ร่วมกับร่างโคลนใหม่ มิกกี้ 19 ได้อย่างเปิดเผย โดยไม่มีมาร์แชลมาเป็นภัยคุกคามอีกต่อไป พวกเขาเริ่มสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนและเปิดกว้างมากขึ้น
บทวิจารณ์เชิงวิพากษ์ (Critique)
Mickey 17 ได้รับการยกย่องว่าเป็นการกลับมาอย่างมีสไตล์ของ บง จุน-โฮ ในภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ ซึ่งยังคงรักษาลายเซ็นด้าน การวิพากษ์สังคม (Social Critique) และ ตลกร้าย (Dark Comedy) ไว้อย่างชัดเจน
- แก่นเรื่องการวิพากษ์ทุนนิยม: หัวใจของภาพยนตร์คือการวิพากษ์แนวคิดเรื่อง “แรงงานที่ใช้แล้วทิ้ง” (Disposable Workforce) มิกกี้เป็นตัวแทนของชนชั้นแรงงานที่ถูกระบบทุนนิยมมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถทดแทนได้ด้วยการโคลนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้คุณค่าของความเป็นมนุษย์และชีวิตของเขาถูกลดทอนลง
- คำถามทางปรัชญาเรื่องตัวตน (Identity): ภาพยนตร์ตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า “ถ้าความทรงจำถูกถ่ายโอนไปยังร่างใหม่ แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นเรา?” การที่มิกกี้ 17 และ 18 มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นการสำรวจแนวคิดที่ว่าแม้ความทรงจำจะเหมือนกัน แต่ประสบการณ์และความเป็นมนุษย์แต่ละร่างก็สามารถแตกกิ่งก้านสาขาออกไปได้
- การแสดงของโรเบิร์ต แพตทินสัน: แพตทินสันได้รับคำชมอย่างท่วมท้นว่าสามารถแบกรับบทบาทที่ซับซ้อนนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม การแสดงสองบทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในมิกกี้ 17 และ 18 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแสดงบทบาทที่แปลกประหลาดและน่ารักในแบบที่นักวิจารณ์บางคนเปรียบเทียบกับ จิม แคร์รี่
- สุนทรียภาพและการออกแบบ: การออกแบบงานสร้างของ ฟิโอน่า ครอมบี้ และการถ่ายภาพโดย ดาเรียส คอนด์จิ สร้างโลกไซไฟที่ ดิบ สลัว และเต็มไปด้วยบรรยากาศอุตสาหกรรม ที่คล้ายกับ Snowpiercer ซึ่งสะท้อนถึงความมืดหม่นทางอารมณ์ของเรื่องราวได้อย่างดี
- จุดอ่อนที่ทำให้เกิดการแบ่งรับแบ่งสู้:
- ความซับซ้อนของโครงเรื่อง: ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมีความซับซ้อนและมีบทบรรยาย (Narration) จากมิกกี้มากเกินไป ซึ่งบางครั้งทำให้เรื่องราวดู หลวมและยืดเยื้อ
- ความจัดจ้านที่ลดลง: แม้จะมีประเด็นทางสังคมที่หนักแน่น แต่นักวิจารณ์บางคนรู้สึกว่าการเสียดสีของ บง จุน-โฮ ในภาคภาษาอังกฤษนี้ “นุ่มนวล” และ “ไม่กัดกร่อน” เท่ากับงานภาษาเกาหลีของเขา อย่าง Parasite
- ตัวละครสมทบ: ตัวละครสมทบอย่าง มาร์แชลและยิลฟา (รับบทโดย Mark Ruffalo และ Toni Collette) ถูกมองว่าเป็นการแสดงที่ ตลกเกินจริง และ เป็นพิมพ์เดียว ทำให้บางครั้งมุกตลกดูหนักมือเกินไป
ตัวอย่างหนัง
สรุป:
Mickey 17 เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ ชาญฉลาด มีอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยประเด็นให้ขบคิด เป็นการพิสูจน์ว่า บง จุน-โฮ ยังคงเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญ การแสดงอันยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต แพตทินสัน และการสำรวจแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับมูลค่าของชีวิตมนุษย์ในระบบทุนนิยม เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แม้ว่าจังหวะการเล่าเรื่องอาจไม่สมบูรณ์แบบและมีการแบ่งรับแบ่งสู้จากผู้ชมที่คาดหวังความจัดจ้านเท่ากับ Parasite แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นงานศิลปะที่มีความสำคัญและมีเอกลักษณ์ในประเภทไซไฟประจำปี 2025
ใส่ความเห็น